เปิดจำนวนเงิน สาวจ้างกอล์ฟช่วยลงมือปลิดชีพ ป้าอ้อย เพื่อปลดหนี้เงินค่าออกรถ 3 คัน






วันที่ 8 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดีการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ของนางดารัณ แพลอย หรือ ป้าอ้อย อายุ 58 ปี เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็น วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งหลังการออกสืบสวนหาข่าว จนสามารถนำไปสู่การจับกุมนางสาววิลาวัณย์ แสงประดับเพชร หรือ สาว อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับป้าอ้อย และ นายนิติ จุลสำราญ หรือ กอล์ฟ ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อเหตุมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. พลตำรวจโทธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาและแถลงข่าวสรุปคดีที่เกิดขึ้น โดยทันทีที่เดินทางมาถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เข้าประชุมร่วมกับชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เป็นเวลาประมาณ 50 นาที ก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับนางสาวสาว และนายกอล์ฟ สองผู้ต้องหา



โดยได้สอบถามถึงแรงจูงใจและมูลเหตุในการก่อคดีประมาณ 20 นาที จากนั้น จึงได้ลงมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมนำของกลาง ประกอบด้วย รถยนต์ ฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งใช้ในการก่อเหตุลงป้าอ้อยไปฆ่ารัดคอ รถจักรยานยนต์ที่นายกอล์ฟใช้ ในการนำบัตรประชาชนและทรัพย์สินของป้าอ้อยไปเผาทำลายมาร่วมในการแถลงข่าวด้วย

ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 กล่าวว่า ในด้านการสืบสวนคลี่คลายคดีนั้น ทางตำรวจระดมกำลังทำการสืบสวนหาข่าวอย่างเต็มที่ จนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ นางสาววิลาวัณย์ แสงประดับเพชร หรือ สาว อายุ 38 ปี และนายนิติ จุลสำราญ หรือ กอล์ฟ โดยในส่วนของนางสาวสาวนั้น เป็นเพื่อนร่วมงานที่เดียวกับป้าอ้อยและรู้จักคุ้นเคยกันมาเป็นเวลานาน



ส่วนนายกอล์ฟ เป็นคนรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกับนางสาวสาวมานาน ในการลงมือก่อเหตุครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการที่จะปลดหนี้ เรื่องที่นางสาวสาว เคยไปขอให้ป้าอ้อย ช่วยออกรถมาให้ จำนวน 3 คัน โดยตกลงว่าจะให้เงินค่าตอบแทนจำนวนหนึ่งล้านบาท แต่เมื่อป้าอ้อยออกรถมาให้เรียบร้อย นางสาวสาวกลับให้เงินกับป้าอ้อยไม่ครบตามที่สัญญา



เมื่อป้าอ้อยถูกไฟแนนซ์ตามทวงถามเรื่องค่างวดรถ จึงได้ไปทวงเงินกับนางสาวสาว ทำให้นางสาวสาว วางแผนลงมือฆ่าป้าอ้อย โดยลวงว่าจะพาไปหาเพื่อนที่เป็นนายทุนในอำเภอศรีสวัสดิ์ เพื่อนำเงินมาปลดหนี้ค่ารถทั้งสามคัน ก่อนจะรับป้าอ้อยขึ้นรถและลงมือฆ่ารัดคอ โดยมีนายกอล์ฟเป็นผู้ร่วมลงมือ โดยนางสาวสาว จ้างนายกอล์ฟในราคา 20,000 บาท



พลตำรวจตรีไพโรจน์ คุ้มภัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า หลังทางตำรวจรับแจ้งเรื่องการหายตัวไปจากครอบครัวของป้าอ้อย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 1 กรกฎาคม ก็ได้มีการออกติดตามสืบจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยเรื่อยไป จนพบว่า ป้าอ้อยขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ตำบลลาดหญ้า จากนั้น ได้มีรถฮอนด้า แอคคอร์ด ซึ่งมีนางสาวสาวเป็นคนขับและนายกอล์ฟ นั่งมาด้วยในรถ มารับป้าอ้อยขึ้นรถไป โดยมุ่งหน้าไปทางอำเภอศรีสวัสดิ์ โดยกล้องวงจรปิดที่จับภาพรถของผู้ก่อเหตุได้จุดสุดท้ายก็คือในพื้นที่ หมู่ 4 บ้านท่าสนุ่น ตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตึงได้นำตัวนางสาวสาว และนายกอล์ฟ มาสอบปากคำอย่างละเอียด



สุดท้าย ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ ทั้งภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มี ทำให้นางสาวสาวและนายกอล์ฟ ยอมรับสารภาพ ว่าได้ร่วมกันลงมือฆ่าป้าอ้อยจริง โดยนำร่างไปทิ้งลงเหว ริมถนนสาย 3199 กายจนบุรี-ศรีสวัสดิ์ ห่างจากท่าจอดแพขนานยนต์ประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบก็พบร่างของป้าอ้อยอยู่ในจุดดังกล่าวจริง

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า พฤติกรรมการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุทั้งสองราย มีความโหดเหี้ยมอำมหิต โดยเริ่มจากการให้นางสาวสาว ขับรถไปรับป้าอ้อยที่ปั๊มน้ำมัน จากนั้น ให้ป้าอ้อยมานั่งที่เบาะหน้าข้างคนขับ จากนั้น นายกอล์ฟที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังป้าอ้อย ได้ใช้เชือกที่เตรียมมา ลงมือรัดคอป้าอ้ยจากด้านหลัง โดยที่นางสาวสาว รับหน้าที่ขับรถมุ่งหน้าไปอำเภอศรีสวัสดิ์ จากนั้น เมื่อถึงกลางทาง ได้เปลี่ยนหน้าที่ให้นายกอล์ฟมาขับรถแทน และให้นางสาวสาวไปรัดคอป้าอ้อยซ้ำเพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว



เมื่อไปถึงจุดทิ้งร่าง ได้ช่วยกันยกร่างลงจากรถและทิ้งลงข้างทาง ก่อนจะขับรถกลับออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากแยกย้ายกัน นายกอล์ฟได้รับหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ นำเอาทรัพย์สินและบัตรประชาชนของป้าอ้อย มาเผาทำลายที่ท่าน้ำบ้านท่าเพนียด ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังได้กล่าวว่า ก่อนจะลงมือก่อเหตุ ผู้ต้องหาทั้งสองคน ได้มีการวางแผนและสำรวจเส้นทางที่จะนำศพไปทิ้งมาแล้วเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากนี้ จะได้พิจารณาว่า จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองคนในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายไตร่ตรองไว้ก่อนเพิ่มด้วยหรือไม่

นอกจากนี้ ในเรื่องของขบวนการจ้างผู้อื่นให้ไปออกดาวน์รถแล้วนำมาขายนั้น ขณะนี้ ตนได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 7 ลงพื้นที่มาทำคดีนี้แล้ว โดยจะได้สืบสวนหาเพื่อนร่วมขบวนการ รวมถึงกลุ่มนายทุนและผู้ที่รับซื้อรถเหล่านี้ให้ได้ทั้งขบวนการ

ทั้งนี้ ในระหว่างการแถลงข่าว ได้มี ครูหนึ่ง ซึ่งเป็นครูในมหาวิทยาลัยราชภัฎกาญจนบุรี เดินทางมาขอพบผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 เพื่อแสดงความบริสุทิ์ใจ ว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อคดีครั้งนี้ เนื่องจากครูหนึ่ง มีชื่อเป็นเจ้าของรถฮอนด้า ที่นางสาวสาว ใช้ในวันก่อเหตุ



โดยครูหนึ่ง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองได้รับการขอร้องจากนางสาวสาว ที่รู้จักกันมานับสิบปี ให้ช่วยใช้ชื่อไปออกรถคันดังกล่าวให้ โดยนางสาวสาว จะให้ค่าตอบแทน จำนวน 50,000 บาท โดยนางสาวสาวอ้างว่า อยากได้รถไว้ใช้รับส่งลูก ด้วยความรู้จักคุ้นเคยและไว้ใจ ครูหนึ่งจึงตกลงใจใช้ชื่อไปออกรถคันดังกล่าวให้ แต่ไม่ได้รับเงินห้าหมื่นบาทมาแต่อย่างใด

ข่าวโดย ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี

เรียบเรียง มุมข่าว bt siamnews



Comments

Popular posts from this blog

หนุ่มใหญ่วัย 54 ปี ถูกรางวัลที่1รับ12 ล้าน หลังซื้อเลขท้ายป้ายทะเบียนรถคู่ใจ

กรมอุตุฯ เตือนมรสุม เผยเส้นทางฤดูฝนถล่มไทย

แม่น้องแคร์ เคลื่อนไหว หลังรู้ลูกสาวถูกจับที่มาเลย์ เผยนิสัยลูกสาว